Ads (728x90)



"จตุพร" เผยใกล้หมดความอดทน ผังคสช.ใส่ร้ายโยงตนเอี่ยว 8 ผู้ต้องหาพลเมืองเน็ต   ย้ำ จ้างลูกน้องทำเพจให้ตนผิดตรงไหน ชี้ ยอมแค่ไหนแล้วที่มาทำเพจเพื่อรักษารายการ ทั้งที่ไร้มลทิน สุดท้ายพีซีทีวีชนะกสทช.    -นับจากนี้หากเจอข้อหาเฮงซวย จะสู้เพื่ออิสรภาพ เพื่อนำไปสู่บ้านเมืองที่ดี









วันนี้ ( 29 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล เมื่อ 29 เม.ย. กล่าวว่า ทหารและตำรวจแถลงข่าวควบคุมพลเมืองเน็ตทั้ง 8 คน ในข้อหาผิดกฎหมายอาญามาตรา 116 และกฎหมายคอมพิวเตอร์ แต่สร้างผังโยงตนไปเป็นผู้ว่าจ้างให้ทำเพจเฟซบุ๊ก โดยไม่มีความผิดนั้น จึงเท่ากับถูกกลั่นแกล้งและใกล้หมดความอดทนแล้ว
นายจตุพร กล่าวว่า การแถลงข่าวของตำรวจ-ทหาร โดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นคนหลัก ซึ่งเกี่ยวกับการจับกุมพลเมืองเน็ตทั้ง 8 คน แล้วสร้างผังโยงใยมาถึงตนเป็นผู้ว่าจ้างนั้น ความจริงแล้วข้อมูลที่นำมาสร้างผังกล่าวหากัน ทหารไปขอจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ และหนังสือพิมพ์นี้ก็เอามาจากเพจรายการมองไกล ดังนั้นสำนวนกล่าวหาตนตามผังจึงมีเพียงเท่านี้ ไม่มีอะไรสำคัญจนเกี่ยวข้องกับภัยความมั่นคงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เลย








"น.ส.ณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ หรือ นัท และนายนพเก้า คงสุวรรณ หรือ นพ เป็นลูกน้องของตน เป็นฟรีแลนซ์มาดูแลเพจให้ตน และเพจพีซทีวีด้วย โดยสถานีพีซทีวีเป็นคนว่าจ้างให้มาดูแล มีหลักฐานการจ้างเงินชัด ไม่มีอะไรซับซ้อน การว่าจ้างคนทำเพจผิดกฎหมายข้อไหน เนื้อหารายการมองไกล และถ้อยคำสรุปในเฟซบุ๊กของตนผิดตรงไหน รวมทั้งการจ้างคนผิดตรงไหน ซึ่งเป็นสิทธิ์ชอบธรรม โดยตนไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่เบื้องหน้า แถลงข่าวเหมือนตนเป็นอาชญากร ใหญ่มาจากไหน เรื่องมีเพียงเท่านี้ แล้วไปๆ มาๆ ทำให้เพิ่มเป็นคดีมาตรา 112 อีก"
นายจตุพร กล่าวว่า ที่มาที่ไปการจ้างนัท และนพ มาทำเพจให้นั้น เกิดมาจากการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีคำสั่งทางปกครองเพิกถอนใบอนุญาตของสถานีพีซทีวีจากการที่ตนจัดรายการมองไกล แล้วพูดว่า อย่าเห็นต่างเป็นศัตรูเท่านั้น จากนั้น สถานีได้ฟ้องร้องถึงศาลปกครอง และศาลได้สั่งให้คุ้มครองชั่วคราวต่อสถานีแต่ตนไม่ต้องการให้เกิดความรู้สึกว่า กสทช. แพ้ พีซทีวีชนะ ตนจึงยอมสละตัวเองถอนรายการมองไกลออกจากพีซทีวี แล้วมาจัดทางยูทูป








ดังนั้น ตนอยากจะบอกว่า การเป็นคนสาธารณะนั้น ย่อมถูกล้อเลียนกันได้ ตนถูกมามากแต่ไม่เคยฟ้องกลับใครเลย เพราะการเป็นคนสาธารณะต้องถูกแตะต้องได้ หรือผู้มีอำนาจแตะต้องไม่ได้เลย แต่การแถลงข่าวกลับพยายามโยงใยให้นายธนวรรธน์ บูรณศิริ หรือ วา ซึ่งเคยร่วมงานกับพีซทีวีชูบัตร แล้วจะนำมาเป็นเหตุเล่นงานโยงใยกันตามผัง








การเอาข่าวจาก นสพ.มาทำผัง และประโคมโหมกันเหมือนบ้านเมืองมีเรื่องใหญ่โตแล้ว ทั้งที่เพจแพร่มาตั้งนาน ทั้งที่เป็นเพจสื่อสารความคิดเห็นทางการเมืองของตน เป็นการสื่อสารทางเดียวเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญแล้ว สำนวนการสอบสวนข้อหาไม่มีเรื่องเกี่ยวกับตนเลย แต่โยงไปเป็นคนว่าจ้างทำเพจ ขอยืมคำพูดของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่อนุมัติให้ลูกชายเป็นทหารว่า ใครก็ทำกันทั้งนั้น มันผิดตรงไหน








นายจตุพร กล่าวว่า จะขังกันหรือ ไม่ให้ประกันตัว เล่นแฟร์ๆ กันหน่อยถ้าตนเจอข้อหาแบบนี้ได้ แล้วตาสี ตาสาจะรอดได้หรือ แถลงข่าวกันสนุก เล่นกันมันไปเลย แต่ตามสำนวนที่มักพูดกันเสมอว่า ถ้าเมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน ตนไม่ชอบเผด็จการ ชอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามสามารถอยู่ร่วมกันได้ ไม่มีปัญหาเลย ตนยังทนฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เลย








"ผมไม่รู้หนทางข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น ถ้าถูกขังด้วยข้อหาเฮงซวยแบบนี้ ผมขอสั่งเสียว่า จงใช้ชีวิตและอิสระภาพของผมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปสู่สิ่งงดงาม การแถลงข่าว สร้างผังเพื่อพยายามอธิบายความเชื่อมโยงกันนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องทางคดีเลย ผมบอกว่านัทกับนพเป็นลูกน้อง แต่รับเงินจากพีซทีวี แล้วเจอข้อหามาตรา 116 อยากจับผมเชิญ ประเทศจะเดินหน้าแบบนี้หรือ พล.อ.ประยุทธ์ คุณจะคืนความสุขให้คนไทยแบบนี้หรือ ไหนคำสั่งจะอำนวยความยุติธรรม นี่หรือยุติธรรม"








นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าอยากมีเรื่องมาเอากับตนได้ อย่าไปเล่นงานพวกเด็กๆ และการว่าจ้างทำเพจผิดด้วยหรือ และเนื้อหาเพจผิดอะไร สำนวนสอบสวนเอามาจาก นสพ. เอาเนื้อมาจากตนพูด เอาเลยอยากขังก็ขัง คิดว่ากลัวนักหนาหรือ พวกตนเป็นหมู่บ้านกระสุนตก ถ้าจะเอากันแบบนี้ ไม่มีปัญหา เอาเลย








ตนยืนอยู่อย่างทรนงไม่ได้ทำอะไรผิด ระวังดาบนี้คืนสนองตามโคลงของศรีปราชญ์ แต่ปัญหานี้จะนำไปสู่การทำประชามติ ถามจริงว่า จะชนะหรือ ตนเชื่อว่าแพ้ แม้ออกกฎหมายประชามติ แล้วแก้ไขเพิ่มโทษกฎหมายคอมพิวเตอร์ แล้วมาใช้กำลังอุ้มอีก แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็เชื่อว่าไม่มีทางชนะประชาชน แพ้ทางเดียวเท่านั้น
"เมื่อมาเล่นกันแบบนี้ จะเอาไปขังก็เชิญเลย รณรงค์ประชามติก็ทำไม่ได้จะมาขังอีก แต่ช่วยบอกด้วยว่า ผมผิดอะไร หรือต้องการให้ผมกลัว ไม่กลัวเพราะกลัวมาจนกล้าแล้ว หดหัวในกระดองจะตายก็ตาย แล้วทำไมจะไม่สู้กัน ย่ำยี่กันมากผมสู้ หน้าตาแบบนี้คิดว่ากลัวหรือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่จะเอาตัวไปขัง ผมจึงไม่กลัวเลย ผ่านอะไรมามากมาย แล้วเจอผังบ้าบอแบบนี้ ผมใกล้จะหมดความอดทนแล้ว อย่าไล่ให้จนตรอก ผมจะสู้นะจะบอกให้ อย่ามองว่า จับไปขังแล้วจะจบ"
ที่มา:http://politic.tnews.co.th/contents/187700/

Post a Comment