Ads (728x90)

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 21 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายสังวาล อินทะเกตุ อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 หมู่ 7 บ้านโนนหนองลาด ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ว่า มีเด็กหญิง 2 คน ทราบชื่อ คือ ด.ญ.จันจิรา หรือ “น้องเอ” และ ด.ญ.จารุวรรณ หรือ “น้องเอ็น” อุสาย อายุ 14 ปี อยู่บ้านเลขที่ 156 หมู่ 7 เรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนพระธาตุขามแก่นวิทยาลัย เป็นพี่น้องฝาแฝดที่พ่อ ตา และยาย เสียชีวิตไปหมดแล้ว

ส่วนแม่ของเด็กก็หายไปทำงานโรงงานพลาสติกใน กรุงเทพฯ ปล่อยให้ทั้งสองคนต้องสู้ชีวิตอยู่ในกระท่อมโทรมๆ บางวันต้องไปรับจ้างทำนา หาปลาหาผักมาขาย เพื่อนำเงินที่ได้มาหาซื้ออาหารกินประทังชีวิต ทำให้ต้องขาดเรียนอยู่บ่อยๆ เพราะไม่มีเงินไปเรียนหนังสือ

 จึงได้เดินทางไปตรวจ สอบ ชาวบ้านบบอกว่า น้องเอ และ น้องเอ็น ไม่อยู่ ไปรับจ้างทำความสะอาดล้างถ้วยล้างชามที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านเดียวกัน ได้ค่าแรง 50 บาท ส่วน น้องเอ็นไปหาปลาอยู่ท้ายหมู่บ้าน เพื่อนำมาขายให้กับชาวบ้าน เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายประทังชีวิต จึงได้รอ พอเด็กหญิงทั้งสองกลับมา ต่างพากันทำความสะอาดบ้าน ล้างถ้วยชามที่ปล่อยทิ้งไว้ นำปลาที่จับได้มาใส่กะละมัง และติดเตานึ่งข้าวเหนียว สับมะละกอมาทำส้มตำอยู่ในบ้าน เป็นบ้านแบบกระท่อมชั้นเดียวยกพื้นสูงอยู่ริมทุ่งนา ไม่มีรั้วกั้น ไม่มีประตูปล่อยโล่งทุกด้าน โดยอาศัยไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน และน้ำจากเพื่อนบ้านที่ต่อก๊อกน้ำมาให้
นายสังวาล เปิดเผยว่า ตนรู้จักครอบครัวนี้ ก่อนหน้าที่น้องเอและและน้องเอ็นจะเกิด นายสมยศ อุสาย ขณะนั้นอายุ 25 ปี แต่งงานอยู่กินกับ นางจันดา อายุ 20 ปี และให้กำเนิดลูกสาวฝาแฝดทั้งสอง ต่อมานายสมยศประสบอุบัติเหตุศีรษะน็อกพื้น ขณะเล่นฟุตบอลจนมาเสียชีวิต ตอนที่ลูกสาวฝาแฝดมีอายุประมาณ 2 สัปดาห์ ลูกจึงได้อยู่กับนางจันดา ผู้เป็นแม่ประมาณ 2 ปี นางจันดาก็หนีไปทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วส่งเงินมาให้ลูกสาวฝาแฝดเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งก็ส่งมาบ้างขาดบ้าง ประมาณ 2 ปี โดยมีนายวรรณา บุญใบ อายุ 60 ปี และ นางกำบัง ชัยทาน อายุ 61 ปี ตากับยาย เป็นผู้เลี้ยงดูหลานสาวฝาแฝดโดยตลอด และส่งให้เรียนหนังสือที่โรงเรียนพระธาตุขามแก่นวิทยาลัยเมื่อ 2–3 ปี ที่ผ่านมา นายวรรณาป่วยเป็นโรคตับแข็งเสียชีวิต ห่างออกมาอีก 3 เดือน นางกำบังก็ป่วยเป็นโรคเกาต์เสียชีวิตอีกเช่นกัน จึงปล่อยให้ เด็กหญิงทั้งสอง ต้องสู้ชีวิตเพียงลำพังสองคนเท่านั้น และนางจันดาผู้เป็นแม่ก็ไม่เคยส่งเงินมาให้ลูกสาวฝาแฝดที่อยู่ในขอนแก่นอีก ด้วย ทำให้เด็กสาวฝาแฝด “น้องเอและน้องเอ็น” ต้องสู้ชีวิต รับจ้างทั่วไป ไม่มีใครจ้างก็ไปจับปลาไปขาย เก็บผักบุ้ง แหย่ไข่มดแดง ตามที่ได้

บาง วันต้องขาด โรงเรียน เพราะไม่มีเงินไปเรียนหนังสือ และต้องอยู่กระท่อมที่ไม่สามารถกันแดดกันฝนได้ ตกกลางคืนอันตรายมาก เพราะกลัวว่าพวกที่เป็นโจรผู้ร้าย หรือพวกติดยาเสพติด จะเข้ามาทำร้ายร่างกาย หรือทำมิดีมิร้ายกับเด็กสาวฝาแฝดทั้งสองคน เพื่อนบ้านจึงได้ให้มาพักพิงอยู่ในบ้านบางในบางครั้ง และช่วยเหลือให้เด็กสาวฝาแฝดมีอาหารกินประทังชีวิตไปแต่ละวันนานมาร่วมสามปี จึงขอให้หน่วยงานสังคมสงเคราะห์มาช่วยเหลือและดูแลเด็กสาวฝาแฝด น้องเอ และ น้องเอ็น บ้างนายสังวาล กล่าวอีกว่า เด็กหญิงฝาแฝด น้องเอ และ น้องเอ็น อยากได้จักรยาน เพื่อจะได้ปั่นไปโรงเรียน เสื้อผ้า ชุดนักเรียน เบอร์ S-M รองเท้า เบอร์ 37-38 เครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้ง หลอดไฟส่องสว่าง ถ้าหากเป็นไปได้ วิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลเด็กสาวฝาแฝด น้องเอและน้องเอ็นด้วย ซึ่งทั้งสองคนบอกว่าอยากเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี เรียนจบแล้วอยากเป็นพยาบาลกับตำรวจ เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
source:http://www.siamupdate.com/news-181899

Post a Comment